แอพ Measuring Master สามารถดาวน์โหลดได้จาก Apple App Store และ Google Play Store
แอพนี้สามารถใช้ได้กับแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนในระบบ Android และ iOS เท่านั้น โดยยังไม่มีการรองรับระบบปฏิบัติการอื่นๆ
อุปกรณ์ Android ที่รองรับการใช้งาน: สมาร์ทโฟน Android ตั้งแต่รุ่น 4.3 ที่สามารถใช้งาน Bluetooth®-enabled ได้
อุปกรณ์ iOS ที่รองรับการใช้งาน: iPhone (4S ขึ้นไป), iPad (รุ่นที่ 3 ขึ้นไป), iPad Air (รุ่นที่ 1 ขึ้นไป), iPad mini (รุ่นที่ 1 ขึ้นไป)
โปรเจ็กต์จะถูกบันทึกไว้ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตเครื่องที่ใช้สร้างโปรเจ็กต์ขึ้นมาและไม่สามารถถ่ายโอนไปยังอุปกรณ์อื่นได้
ข้อมูลของคุณจะยังคงอยู่เมื่อมีการอัพเดตซอฟต์แวร์
ข้อมูลที่บันทึกไว้จะยังคงอยู่ต่อไป แต่เพื่อความปลอดภัย ก่อนที่จะทำการอัพเดต คุณควรบันทึกโปรเจ็กต์ลงในแล็ปท็อป/พีซีของคุณโดยการ "แชร์" โปรเจ็กต์ดังกล่าวและส่งต่อไปยังที่อยู่อีเมลของคุณในรูปแบบไฟล์ PDF หรือ Excel
ไปที่ "การตั้งค่า" → "ภาษา" เพื่อตรวจสอบว่าแอพสามารถใช้งานในภาษาใดได้บ้าง
ส่งออก
การตั้งค่า
ทำการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth®
ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่ามีการเปิดใช้งาน Bluetooth® ที่อุปกรณ์และที่สมาร์ทโฟนของคุณ รวมทั้งอุปกรณ์จะต้องอยู่ภายในระยะของการรับสัญญาณ ในแอพภายใต้ คุณสามารถสร้างการเชื่อมต่อ Bluetooth® ระหว่างเครื่องมือวัดกับสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตได้ โปรดทราบว่าจะต้องสร้างการเชื่อมต่อผ่านแอพเสมอ ไม่ใช่เชื่อมต่อผ่านเมนูการตั้งค่าในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต
ไม่ได้ คุณสามารถใช้เครื่องมือวัดได้มากที่สุดหนึ่งเครื่อง ในขั้นแรก ให้ตรวจสอบก่อนว่าได้เปิดใช้งาน Bluetooth® แล้วที่ทั้ง GLM/GIS และที่สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต รวมทั้งตรวจสอบว่าอุปกรณ์ทั้งสองอย่างอยู่ภายในระยะรับส่งสัญญาณ หรือคุณสามารถเปิดรายการตัวเลือกได้โดยใช้
ขึ้นอยู่กับสภาพบริเวณหน้างาน (สิ่งกีดขวาง แสงอาทิตย์ เป็นต้น) สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณอาจสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือวัดได้ที่ระยะห่างสูงสุดประมาณ 10 เมตร
ถ้าเคยเชื่อมต่อเครื่องมือเข้ากับแอพแล้ว แอพจะสามารถตรวจพบเครื่องมือดังกล่าวได้โดยอัตโนมัติเมื่อทำการเชื่อมต่ออีกครั้ง ทั้งนี้ จะต้องมีการเปิดแอพไว้บนสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต มีการเปิดใช้งาน Bluetooth® ที่อุปกรณ์ทั้งสองชิ้น และอุปกรณ์จะต้องอยู่ภายในระยะรับส่งสัญญาณ
หากต้องการสร้างการเชื่อมต่อระหว่างกล้องถ่ายภาพความร้อนกับสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณ โปรดเปิดใช้งานการเชื่อมต่อ WLAN ที่อุปกรณ์ทั้งสองรายการ โดยสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่น WLAN ใน GTC 400 C Professional ได้ผ่านทางการตั้งค่าเครื่องมือของกล้อง เมื่อเปิดใช้งาน WLAN ในกล้องถ่ายภาพความร้อนแล้ว รหัสการเชื่อมต่อจะปรากฏที่ด้านล่างจอแสดงผลของเครื่องมือ ตรวจสอบว่าได้เปิดใช้งาน WLAN ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณแล้ว จากนั้นจึงเปิดฟังก์ชั่นการถ่ายภาพความร้อนใน Measuring Master และแตะสัญลักษณ์ WLAN ในแอพเพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ทั้งสองรายการ โดยทำตามคำแนะนำที่ปรากฏในแอพ
คุณสามารถถ่ายโอนภาพไปยังพีซีผ่านทางพอร์ต micro-USB ของ GTC 400 C Professional และเรียกดูภาพบนพีซีได้
สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows (Windows 7, Windows 8, Windows 10) เราได้จัดเตรียมซอฟต์แวร์ GTC Transfer แบบไม่มีค่าใช้จ่ายให้คุณสามารถนำไปใช้เพื่อแก้ไขและจัดเก็บภาพความร้อนที่บันทึกไว้ได้ โดยสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ได้ที่ https://www.bosch-professional.com/gtc
ไม่ได้ คุณสามารถใช้กล้องถ่ายภาพความร้อนกับแอพได้เพียงรายการเดียวเท่านั้น
สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณอาจสามารถเชื่อมต่อกับกล้องถ่ายภาพความร้อนได้ที่ระยะห่างสูงสุด 50 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพบริเวณหน้างาน (สิ่งกีดขวาง ความชื้น สัญญาณรบกวนคลื่นวิทยุ เป็นต้น)
หากมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์กับแอพแล้ว แอพจะตรวจหาอุปกรณ์โดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อใหม่ตราบเท่าที่มีการเปิดใช้งาน WLAN บนอุปกรณ์ทั้งสอง และอุปกรณ์จะต้องอยู่ในระยะของสัญญาณ รวมทั้งไม่ได้เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตกับเครือข่าย WLAN อื่นไว้
โปรดตรวจสอบว่ารหัสผ่านที่ป้อนถูกต้อง หากมีข้อความว่า "รหัสผ่านไม่ถูกต้อง" ปรากฏขึ้นหรือไม่มีการเชื่อมต่อหลังจากที่ได้เลือกฮอทสปอต GTC 400 C Professional แล้ว โปรดตรวจสอบว่ามีการเชื่อมต่อกล้องถ่ายภาพความร้อนกับสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตเครื่องอื่นอยู่หรือไม่ หากการเชื่อมต่อกับ GTC 400 C Professional สำเร็จ สัญลักษณ์ Wi-Fi ที่มุมบนขวาของหน้าจอจะปรากฏเป็นสีขาว (ไม่มีการเชื่อมต่อ: ; เชื่อมต่อแล้ว:
)
มีรูปภาพจัดเก็บอยู่ใน GTC 400 C Professional เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานในการดาวน์โหลด หากการถ่ายโอนรูปภาพล้มเหลวหลายครั้งหรือใช้เวลานานผิดปกติ อาจเป็นเพราะมีเครือข่าย WLAN อื่นๆ รบกวนการเชื่อมต่อ ในกรณีนี้ ขอแนะนำให้ดำเนินการถ่ายโอนในสถานที่หรือบริเวณที่มีสัญญาณรบกวนน้อย
ใช้สำหรับใส่ค่าระยะทางที่วัด
ใช้สำหรับใส่การคำนวณพื้นที่ เมื่อต้องการใช้ฟังก์ชั่นนี้ ให้เปลี่ยนโหมดที่ GLM เป็นการคำนวณพื้นที่
ใช้สำหรับใส่มุม
ใช้สำหรับเพิ่มหมายเหตุ ภาพถ่าย บันทึกข้อความเสียง และรายการสิ่งที่ต้องทำในไฟล์ของคุณ
ใช้สำหรับยกเลิกการดำเนินการ
ใช้สำหรับทำซ้ำการดำเนินการที่ยกเลิกไปแล้ว
ใช้สำหรับลบวัตถุแต่ละรายการ
หน่วยวัดที่ใช้จะตรงกับหน่วยวัดที่เลือกไว้ในแอพ โดยไม่คำนึงถึงหน่วยวัดที่เลือกไว้ในเครื่องมือวัด เมื่อต้องการเปลี่ยนหน่วยวัด ให้ไปที่ "การตั้งค่า" แล้วเลือก "หน่วยวัด" ยืนยันโดยใช้ปุ่ม "บันทึก" ค่าที่วัดได้ที่มีอยู่เดิมและค่าที่วัดได้ใหม่ทั้งหมดในแอพจะแสดงโดยใช้หน่วยวัดใหม่ที่เลือกไว้
เมื่อทำการถ่ายโอนค่าที่วัดได้แต่ละรายการจาก GLM ตามเวลาจริง เวลาและวันที่จะเป็นเวลาและวันที่ที่ทำการวัดค่านั้นๆ โปรดตรวจสอบเวลาและวันที่ที่ตั้งค่าไว้ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณ เนื่องจากเวลาและวันที่ที่บันทึกจะตรงกับเวลาและวันที่ที่ตั้งค่าไว้ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต
เนื่องจากรางอะลูมิเนียมจะดูดซับสัญญาณเป็นจำนวนมาก จึงไม่แนะนำให้ทำการถ่ายโอนข้อมูลผ่านทาง Bluetooth® อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบันทึกค่ามุมที่วัดได้ไว้ในรายการค่าที่วัดได้ จากนั้นจึงทำการถ่ายโอนเมื่อถอดเครื่องมือออกจาก R 60 Professional แล้ว
คุณสามารถใส่ค่าที่วัดได้จาก GLM โดยการวาดส่วนประกอบที่ต้องการลงบนภาพถ่าย จากนั้นทำการวัด แล้วเลือกค่าที่วัดได้โดยตรงจากรายการค่าที่วัดได้หรือใส่ค่าที่วัดได้ด้วยตนเอง
คุณภาพของรูปภาพจะขึ้นอยู่กับความสามารถของสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณ โดยก่อนทำการส่งออก แอพจะตรวจสอบความละเอียดสูงสุดของรูปภาพที่อุปกรณ์ของคุณสามารถประมวลผลได้ และจะปรับขนาดพิกเซลของรูปภาพให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยรับประกันความสำเร็จในการส่งออกรูปภาพ
1. สำหรับ Android: จะมีการจัดเก็บรูปภาพที่ไม่มีข้อมูลการวัดไว้ในอีกโฟลเดอร์หนึ่งในแกลเลอรีรูปภาพของสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตด้วย
2. สำหรับ iOS: จะไม่มีการจัดเก็บภาพไว้ในแกลเลอรีรูปภาพ
ในกรณีที่มีการเชื่อมต่ออยู่แล้วระหว่างสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตกับ GIS 1000 C Professional คุณจะสามารถเพิ่มค่าที่วัดได้โดยตรงหลังจากตั้งจุดวัดค่าได้โดยทำการวัดด้วย GIS 1000 C Professional หรือโดยการเลือกค่าที่วัดได้จากแกลเลอรีของอุปกรณ์ หากไม่ได้เลือกจุดวัดค่า หน้าต่างการเลือกจะแสดงขึ้นพร้อมตัวเลือกวิธีการนำค่าที่วัดได้ไปใช้ หรือคุณสามารถทำขั้นตอนนี้ได้โดยการแตะจุดวัดค่าค้างไว้ จากนั้นเลือกตัวเลือก "แก้ไข" ในทั้งสองกรณี จุดวัดค่าจะกะพริบถ้าสามารถเพิ่มค่าที่วัดได้โดยตรง
ใช้สำหรับใส่จุดวัดค่าใหม่ในภาพถ่ายของคุณ
ใช้สำหรับเพิ่มหรือเปิดหมายเหตุในไฟล์ของคุณ
ใช้สำหรับยกเลิกการดำเนินการ
ใช้สำหรับทำซ้ำการดำเนินการที่ยกเลิกไปแล้ว
ใช้สำหรับลบวัตถุแต่ละรายการ
ค่าที่วัดได้จะถูกบันทึกไว้ในจุดวัดค่าที่ตั้งเอาไว้ หลังจากกำหนดค่าที่วัดได้ให้กับจุดวัดค่าแล้ว คุณสามารถเปิดดูรายละเอียดได้โดยแตะที่จุดวัดค่านั้น
ได้ คุณสามารถเลือกที่จะถ่ายโอนค่าที่วัดได้ไปยังแอพในภายหลังได้ หากต้องการดำเนินการดังกล่าว ให้ตั้งค่าหรือเลือกจุดวัดค่าในแอพ จากนั้นไปที่แกลเลอรีใน GIS 1000 C Professional แล้วเลือกค่าที่วัดได้ที่คุณต้องการและถ่ายโอนค่าดังกล่าวไปยังจุดวัดค่าที่เลือกไว้โดยใช้ปุ่ม "บันทึก" ที่บริเวณตรงกลางของ GIS 1000 C Professional
ค่าอุณหภูมิพื้นผิวที่วัดได้จะแสดงขึ้นในภาพไม่ว่าจะเลือกโหมดใดก็ตาม สำหรับการใช้งานฟังก์ชั่นนี้ จะต้องมีการเปิดใช้รายการ "แสดงป้ายอุณหภูมิในภาพร่าง" ในส่วนการตั้งค่า
การตั้งค่าโหมดการวัดจะต้องทำที่ GIS 1000 C Professional โดยตรง ค่าที่วัดได้ตามที่ตั้งไว้จะถูกถ่ายโอนไปยังแอพ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับโหมดที่เลือก
อุณหภูมิแวดล้อม
อุณหภูมิพื้นผิว
ความชื้นสัมพัทธ์
อุณหภูมิพื้นผิวโดยเฉลี่ย
ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิพื้นผิวกับอุณหภูมิห้อง (สะพานความร้อน)
การแผ่รังสีความร้อนที่เลือกไว้สำหรับพื้นผิวนี้
อุณหภูมิจุดน้ำค้าง
ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิพื้นผิวกับอุณหภูมิจุดน้ำค้าง
โดยการแตะจุดวัดค่าค้างไว้ คุณสามารถเลือกที่จะแก้ไข ("แก้ไข" – จุดวัดค่าจะกะพริบ) ย้าย ("ย้าย" – จุดวัดค่าจะสั่น) หรือลบ ("ลบ") จุดวัดค่าของคุณได้
ฟังก์ชั่น "ผังอย่างละเอียด" เหมาะสำหรับการสร้างผังพื้นอย่างละเอียด นอกจากนี้ ฟังก์ชั่นมุมมองผนังยังช่วยให้สามารถปรับผนังแต่ละด้าน ใส่มุม ประตู หน้าต่าง และปลั๊กไฟ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงขนาดของผนังได้ด้วย คุณยังสามารถเพิ่มข้อความและบันทึกข้อความเสียงในส่วนนี้ได้เช่นกัน ฟังก์ชั่นนี้เหมาะเป็นพิเศษสำหรับสถาปนิก วิศวกรโยธา นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และวิศวกรไฟฟ้า เป็นต้น
ฟังก์ชั่น “ภาพร่างแบบเร็ว” ช่วยให้คุณสามารถร่างผังพื้นที่มีมุม 90° และสามารถแปลงภาพร่างแบบเร็วให้กลายเป็นผังโดยละเอียดได้ โดย "ภาพร่างแบบเร็ว" จะถูกลบหลังจากทำการแปลงเสร็จแล้ว ฟังก์ชั่นนี้เหมาะเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการดูภาพรวมของผังพื้นอย่างรวดเร็ว เช่น ช่างปูกระเบื้อง นักวางผัง เป็นต้น
ถ้า GLM ของคุณมีการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต ค่าที่วัดได้จะถูกถ่ายโอนตามเวลาจริง การคลิกที่วัตถุ (ผนังหรือเส้นวัด) จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าที่วัดได้ตามเวลาจริงให้กับวัตถุดังกล่าวได้ โดยการวัดด้วย GLM หรือคุณสามารถกำหนดค่าที่วัดได้ที่บันทึกไว้ในรายการค่าที่วัดได้ให้กับวัตถุดังกล่าวได้เช่นกัน
คุณสามารถดูและใช้ค่าที่วัดได้โดยเลือกส่วนประกอบที่ต้องการ แล้วเลื่อนปุ่มตัวเลขขึ้นมาเพื่อป้อนข้อมูลด้วยตนเองในโหมดป้อนข้อมูล
ระบบจะเก็บค่าที่วัดได้สูงสุด 50 ค่าสำหรับโปรเจ็กต์ทั้งหมด
ใช้สำหรับเข้าสู่โหมดการเลือก โดยคุณสามารถเคลื่อนย้ายส่วนประกอบต่างๆ ได้ด้วยการลากแล้ววาง รวมถึงเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของส่วนประกอบดังกล่าวได้
ในโหมดการวาด คุณสามารถวาดเส้น รูปสี่เหลี่ยม และรูปหลายเหลี่ยมได้
ใช้สำหรับใส่ช่องเปิดลงในผัง
ใช้สำหรับเพิ่มเส้นวัดลงในผังพื้น
ใช้สำหรับใส่หมายเหตุ ภาพถ่าย และรายการสิ่งที่ต้องทำ
ใช้สำหรับเข้าสู่รายละเอียดโดยรวม
คุณสามารถนำเข้าผังพื้นที่มีอยู่แล้วในรูปแบบภาพได้โดยใช้ฟังก์ชั่น
ใช้สำหรับยกเลิกการดำเนินการ
ใช้สำหรับทำซ้ำการดำเนินการที่ยกเลิกไปแล้ว
ใช้สำหรับลบวัตถุแต่ละรายการ
คลิกที่ผนังในโหมดการเลือกเพื่อเข้าสู่ "มุมมองผนัง" จากนั้นในส่วน คุณสามารถเลือกส่วนประกอบที่ต้องการได้
คุณสามารถตั้งค่าตำแหน่งทศนิยมได้ในส่วน → ตำแหน่งทศนิยม โดยแอพจะปัดเศษของค่าที่ได้จาก GLM โดยอัตโนมัติ
ใช่ การที่แอพทำเช่นนั้นก็เพื่อรักษาเลย์เอาท์เอาไว้ หากเลย์เอาท์และค่าที่วัดได้มีความขัดแย้งกัน ระบบจะใส่วงเล็บให้กับค่าที่วัดได้ดังกล่าวและแสดงเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งโปรแกรมจะคำนวณโดยใช้ค่าที่เป็นสีดำ คุณสามารถใช้ฟังก์ชั่น "ล็อค" (สัญลักษณ์แม่กุญแจ) เพื่อล็อคผนังเอาไว้ไม่ให้ถูกเปลี่ยนค่าโดยอัตโนมัติได้
เลือกโหมดการเลือก เพื่อย้ายวัตถุแต่ละรายการ
คุณสามารถเคลื่อนย้าย/ลบได้เฉพาะตัววัตถุทีละชิ้นเท่านั้น ฟังก์ชั่นนี้จะมีการรองรับในการอัพเดตในอนาคต
เลือกโหมดการแสดงผล แล้วแตะที่ตรงกลางของผนัง จากนั้นลากไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
ความหนาของผนังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทีละส่วนตามลำดับเท่านั้น
ในโหมดการวาด ให้เลือก แตะที่ผนัง เลือก “มุมมองผนัง” แล้วเลือก “เลือกด้านที่ 1” (ด้านใน)/“เลือกด้านที่ 2” (ด้านนอก)
ไม่ได้ คุณสามารถปรับความหนาของผนังสำหรับโปรเจ็กต์ทั้งหมดได้โดยใช้ คุณสามารถปรับผนังแต่ละส่วนภายในโปรเจ็กต์ได้โดยเลือกผนังส่วนที่ต้องการ
สำหรับโหมดการวาด แอพนี้รองรับมาตราส่วนมาตรฐาน 1:50
ในปัจจุบัน แอพนี้รองรับไฟล์รูปภาพทั่วไป (JPEG, BMP, GIF, PNG)
คลิกสัญลักษณ์ แล้วคลิก
เพื่อแสดงมุมทั้งหมด
คุณสามารถเปิด/ปิดการตรึงมุมได้ในส่วน → “มุมที่ 90°/45°”
ค่าที่คุณป้อนไว้จะแสดงเป็นสีน้ำเงินในวงเล็บในผังพื้น โดยจะไม่มีการปรับมุมให้เห็นเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงเลย์เอาท์ของห้อง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเปลี่ยนแปลงมุมในผังได้โดยทำการปรับด้วยตนเอง (ลากและวาง)
ขั้นแรกให้สร้างการเชื่อมต่อ WLAN ระหว่าง Measuring Master กับ GTC 400 C Professional ก่อน (ดูที่ "จะสามารถเชื่อมต่อ GTC 400 C Professional กับสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของฉันได้อย่างไร") จากนั้นในฟังก์ชั่น "ภาพความร้อน" ให้แตะ "+" เพื่อนำเข้าภาพความร้อนจาก GTC 400 C Professional
ใช้สำหรับเลือกวัตถุในภาพความร้อน (เช่น หมายเหตุ หรือเครื่องหมาย) เพื่อแก้ไขหรือลบออก
ใช้สำหรับเลือกวัตถุในภาพความร้อน (เช่น
หมายเหตุ หรือเครื่องหมาย) เพื่อแก้ไขหรือลบออก
ใช้สำหรับเพิ่มหมายเหตุหรืองานให้กับภาพความร้อน รวมทั้งเพิ่มป้ายข้อความในภาพได้โดยตรง
ใช้สำหรับยกเลิกการดำเนินการ
ใช้สำหรับทำซ้ำการดำเนินการที่ยกเลิกไปแล้ว
ใช้สำหรับลบวัตถุแต่ละรายการ
หากมีการเปิดใช้งานฟังก์ชั่นต่อไปนี้เพื่อบันทึกภาพใน GTC 400 C Professional ฟังก์ชั่นดังกล่าวก็จะแสดงในแอพด้วย
จุดความร้อน: จุดที่ร้อนที่สุดในภาพความร้อนจะถูกทำเครื่องหมายด้วยเป้าเล็งสีแดงโดยอัตโนมัติ
จุดความเย็น: จุดที่เย็นที่สุดในภาพความร้อนจะถูกทำเครื่องหมายด้วยเป้าเล็งสีน้ำเงินโดยอัตโนมัติ
เป้าเล็งบนจอแสดงอุณหภูมิ: เป้าเล็งจะแสดงอยู่ตรงกลางของภาพความร้อนและแสดงให้เห็นค่าอุณหภูมิที่วัดได้ ณ จุดนี้
การแผ่รังสีความร้อน: ฟังก์ชั่นนี้จะระบุปริมาณการแผ่รังสีอินฟราเรดความร้อนจากวัตถุเทียบกับตัวปล่อยความร้อนที่เหมาะสม (ส่วนสีดำ, องศาของการแผ่รังสีความร้อน = 1)
อุณหภูมิที่สะท้อน: อุณหภูมิที่สะท้อนคือการแผ่รังสีความร้อนที่ไม่ได้ปล่อยออกมาจากตัววัตถุเอง โดยทั่วไปจะสัมพันธ์กับอุณหภูมิแวดล้อม
ระบบจะทำการบันทึกแผนผังโดยอัตโนมัติ
หากต้องการส่งออก ให้เลือก "โปรเจ็กต์" "ข้อมูลลูกค้า" แล้วแตะ "ส่งออก"
คุณสามารถส่งผังทางอีเมลได้ในรูปแบบ PDF
มาตราส่วนจะถูกปรับให้สอดคล้องกับหน้ากระดาษขนาด A4
โปรดตรวจสอบว่ายังคงมีการเชื่อมต่อ WLAN กับ GTC 400 C Professional อยู่หรือไม่ และให้ทำการยกเลิกการเชื่อมต่อ หากจำเป็น สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตบางรุ่นไม่อนุญาตให้คุณส่งไฟล์ผ่านเครือข่ายมือถือหากคุณกำลังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นผ่าน WLAN ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ระบบอาจป้องกันไม่ให้สามารถเข้าถึง WLAN ได้ขณะที่กำลังมีการเชื่อมต่อกับ GTC 400 C Professional อยู่